GEM Report 2025: ม.กรุงเทพ เผยทิศทางผู้ประกอบการไทย–โลก ยกระดับศักยภาพ MSMEs แข่งขันได้ในตลาดโลก
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดงานสัมมนา “สถานการณ์ความเป็นผู้ประกอบการไทยและโลก ประจำปี 2568 (GEM Report 2025)”

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดงานสัมมนา “สถานการณ์ความเป็นผู้ประกอบการไทยและโลก ประจำปี 2568 (GEM Report 2025)” ภายใต้โครงการสำรวจข้อมูลตามแนวทาง GEM (Global Entrepreneurship Monitor) ซึ่งเป็นเครือข่ายการศึกษาระดับนานาชาติที่ใช้ร่วมกันในหลายประเทศทั่วโลก การสัมมนาครั้งนี้ได้นำเสนอผลการวิจัยจากการประเมินสังคมผู้ประกอบการ โดยใช้ข้อมูลจาก GEM ครอบคลุมทั้งมิติทัศนคติของประชาชน ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม และระดับการมีส่วนร่วมของคนไทยในกิจกรรมเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการ ข้อมูลเชิงประจักษ์เหล่านี้จะเป็นแนวทางสำคัญในการกำหนดนโยบายและมาตรการ เพื่อยกระดับศักยภาพของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และขนาดย่อย (MSMEs) ให้แข็งแรง พร้อมก้าวสู่การแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมั่นใจ

ดร.วุฒนิพงษ์ วราไกรสวัสดิ์ คณบดีคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวถึงสัมมนานี้ว่า “การยกระดับศักยภาพของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และขนาดย่อย (MSMEs) ต้องเริ่มจากการสร้างสังคมผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Society) ที่มั่นคง จำเป็นต้องอาศัยการวัดผลอย่างเป็นระบบ โดยใช้ดัชนี TEA เป็นเครื่องมือสะท้อนระดับกิจกรรมผู้ประกอบการและศักยภาพในมาตรฐานสากล ซึ่งจะช่วยให้การกำหนดนโยบายและมาตรการสนับสนุนเป็นไปอย่างถูกต้องและยั่งยืน ในส่วนของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในฐานะมหาวิทยาลัย Practical University ที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง เราพร้อมเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนการสร้างสังคมผู้ประกอบการ ที่เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป”

ด้าน คุณลลนา เถกิงรัศมี ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวว่า “ประเทศไทยกำลังเผชิญการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรงทั้งในประเทศและต่างประเทศ การสร้าง “สังคมผู้ประกอบการ” ที่เข้มแข็งจึงเป็นหัวใจสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ งานวิจัย GEM 2025 ที่จัดทำโดย สสว. และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ พบว่าคนไทยราว 70% มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในระบบนิเวศผู้ประกอบการ และประมาณ 1 ใน 3 เข้ามามีบทบาทในฐานะเจ้าของธุรกิจ ขณะที่กว่า 15% อยู่ในขั้นเริ่มต้นการก่อตั้งธุรกิจใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติเชิงบวกต่อการเป็นผู้ประกอบการ การมองเห็นโอกาส และการได้รับแรงสนับสนุนจากสังคม วัฒนธรรม และภาครัฐ ข้อมูลเหล่านี้จึงถือเป็นรากฐานสำคัญต่อการกำหนดนโยบายและการเสริมสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนต่อไป”

การสร้างสังคมผู้ประกอบการที่เข้มแข็งและยั่งยืน ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการขับเคลื่อนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงลำพัง หากแต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และสังคมโดยรวม เพื่อร่วมกันวางรากฐานและขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จึงถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ ที่จะทำให้ทุกฝ่ายสามารถทำงานได้อย่างมีพลังและเห็นผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และทีมวิจัย พร้อมเปิดกว้างและรับฟังทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมสัมมนา เพราะเสียงของทุกท่าน คือ ส่วนสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มงานวิจัย และต่อยอดสู่แนวทางการพัฒนาที่สมบูรณ์ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อระบบนิเวศผู้ประกอบการไทยในอนาคต
